วิตามินซี คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
วิตามินเป็นหนึ่งในสารอาหารที่ร่างกายจำเป็นต้องใช้ ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิด ตั้งแต่วิตามิน A/B/C ซึ่งแต่ละชนิดก็ให้ประโยชน์ที่ต่างกัน ตามคุณสมบัติ วันนี้จะได้แนะนำให้รู้จักวิตามินซี Vitamin C ที่หลายคนรู้จักเพียงว่า เป็นวิตามินที่พบมากในผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน แต่รายละเอียดเกี่ยวกับวิตามินนั้น มีมากกว่าข้อมูลพื้นฐานดังกล่าว เราลองมาดูกัน
วิตามินซีคืออะไร
วิตามินซีมีชื่อทางเคมีว่า L-ascorbic acid หรือ ascorbate การจะบอกว่าคืออะไร คงระบุคำจำกัดความได้ยาก ได้แต่บอกเป็นคุณสมบัติว่า คุณสมบัติทั่วไปของวิตามินซีก็คือ เป็นวิตามินที่สามารถละลายในน้ำได้
ปริมาณที่ควรรับประทาน/วัน
ทั่วไป การรับประทานวิตามินซีในแต่ละวัน อยู่ที่ 100-200 มิลลิกรัม/วัน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่สูบบุหรี่ประจำต้องเพิ่มปริมาณเป็น 200 มิลลิกรัม/วัน ในคนที่อยู่ในภาวะเครียดอาจมีความต้องการวิตามินซีถึง 500 มิลลิกรัม/วัน และต้องการมากขึ้นถึง 1,000 มิลลิกรัม หากเป็นการรับประทานเพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ
วิตามินซีจากธรรมชาติ
อาจยังมีความเข้าใจผิดคิดว่าวิตามินซีมีมากที่สุดใน “มะนาว” เพราะความเปรี้ยวจี๊ด แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงคือ ฝรั่ง พริกหยวกสีแดง ผักเคล องุ่น ส้ม กีวี่ สับปะรด และลิ้นจี่ ตามลำดับ
ประโยชน์ของวิตามินซี
- เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ทำให้ร่างกาย ผิวพรรณ เสื่อมก่อนถึงเวลา วิตามินซีจะช่วยต้านในส่วนนั้น จึงนิยมใช้เพื่อลดริ้วรอย เหี่ยวย่นอันเกิดจากแก่ก่อนวัย
- ช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย เนื่องจากช่วยให้มีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น
- ช่วยเกี่ยวกับระบบเลือด ไม่ว่าจะเป็นการทำให้เส้นเลือดแข็งแรงขึ้น ลดความดันเลือด ลดการอุดตันของหลอดเลือดดำ
- ช่วยสมานแผล เป็นระบบการซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายนั่นเอง
- ช่วยให้เหงือกแข็งแรงขึ้น ตลอดจนป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟันที่เรียกว่า ลักปิดลักเปิด
- ช่วยควบคุมไขมันในเส้นเลือด หรือที่เรียกว่า คลอเรสเตอรอล เป็นสรรพคุณของวิตามินซีที่ช่วยไม่ให้ไขมันเกาะที่ผนังหลอดเลือด ลดคอเลสเตอรอลในเลือด
- วิตามินซี ป้องกันความเสี่ยงโรคมะเร็งร้าย ด้วยการเข้าไปต้านการสร้างสารไนโตรซามีนที่เป็นสารก่อมะเร็ง
- ช่วยลดอาการภูมิแพ้ หอบหืด
อนึ่ง แม้วิตามินซีจะมีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง แต่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้เป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะได้ เนื่องจากเมื่อต้องมีการขับส่วนเกินออกทางปัสสาวะ โอกาสที่จะมีตะกอนตกค้างก็มีเพิ่มขึ้น และไม่ควรรับประทานเวลาท้องว่าง เพราะจะทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดความระคายเคือง ด้วยความมีฤทธิ์เป็นกรดของวิตามินซีเอง