วิธีดูอาการแพ้ท้อง แบบง่ายๆ ที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์
สาวๆหลายๆคนที่มีแฟนหรือมีครอบครัวแล้วนั้น อาจจะรู้กันดูในเรื่องของการที่ประจำเดือนขาด โดยสำหรับโดยทั่วไปนั้นประจำเดือนขาด 2 เดือนนั้นคุณก็อาจจะเสี่ยงในการท้องสูงมาก เพราะเกือบจะเต็มหนึ่งร้อยเปอร์เซนนั้นก็คือการตั้งครรภ์ แต่มีส่วนน้อยที่อาจจะเกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เพราะฉะนั้นประจำเดือนของคุณเลยไม่มา แต่สำหรับวิธีง่ายๆในการที่คุณนั้นจะดูว่าคุณนั้นตั้งท้องจริงๆหรือไม่นั้นก็มีดังนี้ ซึ่งก็เชื่อได้เลยว่าสาวๆแล้วคนน่าจะได้ข้มูลในส่วนนี้เป็นอย่างดี
สำหรับอาการง่ายๆที่เราจะทราบกันได้ง่ายๆ นอกจากประจำเดือนขาดแล้วก็มี ดังนี้
1.เหม็นสะทุกอย่าง
– วิธีนี้นั้นสามารถที่จะสังเกตได้ง่ายเป็นอย่างมาก เนื่องจากว่าคุณนั้นถ้าตั้งครรภ์ก็อาจจะได้กลิ่นง่ายเป็นพิเศษ ซึ่งก็มาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าหากว่าเป็นอาหารโปรด แต่ก็อาจจะไม่ถูกปากคุณอีกต่อไปก็ได้
2.ปัสสาวะบ่อยไป
– โดยสำหรับการปัสสาวะบ่อยนั้น สาเหตุนั้นก้จะเกิดจากการที่เลือดนั้นสามารถที่ไปเลี้ยงร่างกายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ซึ่งทำให้ไตสามารถที่จะขับของเสียออกมาได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นคุณอาจจะปัสสาวะบ่อยกว่าปกติได้นั่นเอง
3.ท้องผูก
– คุณอาจจะสงสัยว่าจริงๆแล้วมันเกี่ยวกันจริงๆหรือไม่ ซึ่งความจริงแล้วนั้นมันเกี่ยวกันเป็นอย่างมากนั่นเอง เพราะถ้าหากว่าคุณนั้นตั้งครรภ์ก็จะทำให้มดลูกนั้นขยายตัวไปทำลำไส้ จึงทำให้ลำไส้ใหญ่นั้นจะต้องมีการบีบตัวลงนั่นเอง นี่จึงเป็นสาเหตุสำหรับการเกิดอาการท้องผูกนั่นเอง
4.อาเจียน
– ซึ่งสำหรับอาการนี้นั้น จะเกิดหลังจากที่คุณท้องได้หนึ่งเดือน จึจะเริ่มมีอาการคลื่นไส้อาเจียน แต่ไม่ใช่ว่าเสมอไป เพราะว่าสำหรับบางคนนั้นอาจจะแพ้ท้องไวกว่ากำหนดก็เป็นได้ หรือถ้าหากว่าดีหน่อยอาจจะไม่มีการแพ้ท้องเลยนั่นเอง
5.หน้าอกบวม
– โดยสำหรับการจ็บหน้าอกหรือหน้าอกบวมเพราะว่า จะมีเลือดไปเลี้ยงส่วนนั้นมากเกินไป จนเวลาที่สัมผัสนั้นอาจจะเกิดอาการเจ็บขึ้นมา เหมือนกับว่าเวลาช่วงก่อนมีประจำเดือนแลวคุณนั้นเจ็บหน้าอก ซึ่งก็คล้ายกัน
ดังนั้นหากว่าคุณนั้นสงสัยว่าตัวของคุณนั้นตั้งท้องหรือไม่คุณนั้นก็สามารถที่จะสังเกตได้จากวิธีนี้ ซึ่งถ้าหากว่าคุณนั้นยังไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่แล้วละก็การซื้อเครื่องตรวจครรภ์นั้นก็สามารถที่จะเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณได้เนกัน แต่ถ้าหากว่าคุรนั้นต้องการที่จะให้มั่นใจได้มากที่สุดแล้วละก็ การไปตรวจที่โรงพยาบาลกับแพทย์นั้นสามารถที่จะให้คำตอบได้ดีที่สุด แต่ถึงอย่างไรก็ตามคุณเองก็ควรที่จะดูแลตัวของคุณด้วยเช่นกัน