ข้อควรปฏิบัติ ทำอย่างไรเมื่อติดเชื้อเอดส์

0
7305

ข้อควรปฏิบัติ ทำอย่างไรเมื่อติดเชื้อเอดส์

โรคเอดส์ หรือ โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นโรคร้ายแรงชนิดหนึ่ง ที่เกิดจากเชื้อไวรัส HIV โดยไวรัสตัวนี้ จะมีการติดต่อกันผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ และการสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งของผู้ที่ติดเชื้อเอดส์ เอดส์มีหลายระยะโดยระยะแรกนั้น จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ น้ำหนักลดอย่างไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น เมื่อผ่านไปสู่ระยะที่เม็ดเลือดขาวถูกทำลายลงไปแล้วจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ และทำให้เสียชีวิตในที่สุด โดยเฉลี่ยจากระยะที่ตรวจพบเชื้อและเสียชีวิต อยู่ในราวๆ 7-10 ปี

สำหรับคนที่เป็นโรคเอดส์นั้น จะไม่สามารถรักษาให้หายได้ แต่สามารถดูแลตัวเอง เพื่อให้ชีวิตสามารถยืนยาว

โดยมีวิธีการดูแลตัวเอง ดังต่อไปนี้

  1. ระมัดระวัง ในการรักษาความสะอาด ไม่ให้สารคัดหลั่งต่างๆ นั้นกระเด็นเปรอะเปื้อนผู้อื่น ซึ่งจะเป็นการแพร่เชื้อสู่คนอื่น เนื่องจากเชื้อไวรัส HIV จะแพร่ตัวเองผ่านทางสารคัดหลั่ง
  2. ระมัดระวัง ไม่ควรใช้ของบางอย่างร่วมกับผู้อื่น เช่น มีดโกนหนวด กรระไกรตัดเล็บ แปรสีฟัน เป็นต้น นอกจากนั้นภาชนะสำหรับใช้ในชีวิตประจำวันที่ต้องใช้ร่วมกับผู้อื่น ก็ต้องมีการทำความสะอาดและผึ่งให้แห้งก่อนนำไปใช้
  3. ผู้ป่วยโรคเอดส์ สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ต้องมีการป้องกันอย่างเคร่งครัดทุกครั้ง ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย
  4. ผู้ป่วยโรคเอดส์ ไม่ควรปล่อยให้เกิดการตั้งครรภ์ เพราะว่ามีโอกาสที่เด็กในครรภ์ จะได้รับเชื้อเอดส์จากแม่ มีถึง 30% เลยทีเดียว
  5. ไม่ควรเข้าใกล้กับผู้ป่วย ที่เป็นโรคต่างๆ เพราะจะทำให้ร่างกายติดเชื้อได้โดยง่าย เนื่องจากร่างกายไม่มีภูมิคุ้มกันสำหรับกำจัดโรคต่างๆ ออกไปได้ นอกจากนั้นก็ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เพราะอาจจะทำให้ติดเชื้อจากสัตว์เหล่านั้นได้โดยง่ายเช่นกัน
  6. เมื่อเข้าห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น ต้องมีการรักษาความสะอาดอย่างเคร่งครัด ไม่ปล่อยให้สารคัดหลั่ง หรือของเสียจากร่างกายนั้นเปรอะเปื้อนสิ่งของ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำอย่างเด็ดขาด นอกจากนั้น ยังต้องมีการรักษาความสะอาดให้กับร่างกายด้วย เพราะร่างกายอาจจะติดเชื้อโรคมาจากห้องนำได้เช่นกัน
  7. ไม่ควรไปบริจาคเลือด อสุจิ หรืออวัยวะต่างๆ เพราะไม่สามารถใช้ร่วมกับผู้อื่นได้
  8. หากอยู่ในระหว่างการรักษาโรคต่างๆ ที่เกิดแทรกซ้อนขึ้น ไม่ควรใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น หรือจะเปลี่ยนวิธีการรักษาเป็นการกินยาแทน เพราะจะมีโอกาสนในการป้องกันการแพร่เชื้อได้ดีกว่าการใช้เข็มฉีดยา
  9. สำหรับเสื้อผ้าของผู้ป่วย ควรแยกออกจากผู้อื่น และเมื่อซักทำความสะอาดทุกครั้ง หลังการสวมใส่
  10. พบแพทย์ และปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิดเป็นระยะ นอกจากนั้นต้องมีการปฏิบัติตามคำแนะนำ ของแพทย์ อย่างเคร่งครัดทุกครั้ง รวมถึงการดูแลตัวเองในด้านต่างๆ เช่นการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย เป็นต้น