วิตามิดี คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร
แสงแดดอ่อนๆ จะมีวิตามินดี (Vitamin D) เป็นคำในความทรงจำของหลายๆ คนที่ได้รับคำแนะนำต่อๆ กันมา แต่มลภาวะในปัจจุบันทำให้หลายๆ คนรังเกียจแดด เพราะเกรงว่าจะมีผลต่อผิวหนังบ้าง จนกลายเป็นมะเร็งบ้าง หากเป็นเช่นนั้น เราควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้วิตามินดี และวิตามินดีสำคัญ จำเป็นอย่างไร ลองมาดูกัน
ลักษณะเฉพาะของวิตามินดี
- เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน
- ร่างกายไม่สามารถนำวิตามินดีที่ได้รับไปใช้ได้โดยตรง ต้องส่งผ่านไปยังตับและไต เพื่อเปลี่ยนเป็น calcidiol และ calcitriol ตามลำดับ
- วิตามินดี สามารถรับได้จากหลายทาง เช่น แสงแดด อาหารธรรมชาติและอาหารเสริม
- ร่างกายต้องการวิตามินดีวันละ 400 IU
วิตามินดีจากธรรมชาติ
- แสงแดดอ่อนๆ ในช่วงเช้า หรือเย็นๆ จะมีวิตามินดี
- ในอาหารประเภทปลาที่มีไขมัน ไข่แดง นม นมถั่วเหลือง และเห็ด
ประโยชน์ของวิตามินดี
- วิตามินดี ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง หลอดเลือดหัวใจตีบ จึงมีแนวโน้มทำให้มีอายุยืน
- วิตามินดีช่วยให้ผิวหนังและกล้ามเนื้อแข็งแรง ทำให้คงความหนุ่มสาวได้นานขึ้น
- ช่วยป้องกันการอักเสบของเซลล์หลอดเลือดหัวใจและลดความดัน
- ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคกระดูกผุ
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้าย
- ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
- ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพเรื่องความจำของสมอง ลดความเสี่ยงโรคซึมเศร้าและโรคพาร์กินสัน
- ช่วยลดความเกร็งของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง ลดอาการไมเกรน
โอกาสแบบไหนทำให้ขาดวิตามินดี
- ชีวิตประจำวันไม่ได้สัมผัสกับแสงแดด โดยเฉพาะคนป่วยนานๆ
- คนที่มีปัญหาเรื่องการดูดซึมไขมัน
- คนที่ดื่มนมสดไม่ได้
- คนที่ผิวคล้ำ จะมีโอกาสกว่าคนผิวขาว
ถ้าขาดวิตามินดีจะเป็นอย่างไร
- กระดูกและฟันไม่แข็งแรง อาจมีการแตกหักง่าย ถ้าเป็นเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเติบโต อาจส่งผลให้กระดูกตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมีอาการโค้งงอ ผิดรูปร่างที่ควรจะเป็น ที่เห็นชัดที่สุดคือ ขาโก่ง ถ้าเป็นในผู้ใหญ่ ผู้สูงวัย จะเป็นโรคกระดูกพรุน
- มีอาการผิดปกติ ชีวิตประจำวันจะแปรปรวนจากอาการเหล่านี้คือ มีอาการกล้ามเนื้อกระตุก อ่อนแรง ขาดความคล่องตัว เคลื่อนไหวช้า นอกจากนั้นยังมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ ปัสสาวะบ่อย ท้องเสีย รวมถึงเป็นหวัดบ่อย เจ็บออดแอด
ถ้าได้รับวิตามินดีมากเกินไปจะเป็นอย่างไร
- หากเป็นวิตามินดีจากแสงแดดธรรมชาตินั้น ร่างกายจะกำจัดทิ้งไปได้ แต่ถ้าเป็นวิตามินดีที่เป็นอาหารเสริม อาจมีผลเสียคือ ทำให้ท้องผูกหรือท้องเสียเรื้อรัง คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หัวใจเต้นผิดปกติ เป็นต้น
- ทำให้แคลเซียมในเลือดสูงและสะสมในเลือด เนื้อเยื่อ จนส่งผลให้เกิดโรคเกี่ยวกับตับไต เป็นต้น