โปรพอลิส (propolis) คืออะไร
เทรนด์รักษาสุขภาพของคนไทยยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง กลยุทธ์ในการขายสินค้าเพื่อส่งเสริมสุขภาพจึงเห็นได้ทั่วไป รวมถึงการพยายามจะหาสินค้าเพื่อสุขภาพมาจำหน่าย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากธรรมชาติมักได้รับความนิยมสูง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ โปรพอลิส (Propolis)
โปรพอลิส (propolis) คืออะไร
โปรพอลิส (Propolis) เป็นสารที่ผึ้งเก็บมาจากส่วนต่างๆ ของต้นไม้ ดอก ใบ โดยเมื่อนำมาใช้ประโยชน์หลายอย่างในรังของตัวเอง จะมีการผสมกับเอ็นไซม์ในน้ำลายของผึ้งก่อน แล้วใช้ให้เป็นประโยชน์ตั้งแต่ช่วยฆ่าเชื้อโรค เป็นกาวยารัง และเคลือบสัตว์ที่ตายแล้วเพื่อไม่ให้เน่าเปื่อยคารัง
สรรพคุณของโปรพอลิส (propolis)
จากงานวิจัยพบว่า ในโปรพอลิสมีสาระสำคัญต่างๆ ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ และอื่นๆ มากกว่า 300 ชนิด จึงมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อ ลดการอักเสบ ฯลฯ จึงมีการนำมาสกัดใช้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมนุษย์ดังนี้
- ฆ่าและทำลายเชื้อโรคหลายชนิด ทั้งแบคทีเรีย เชื้อรา จึงมีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคที่เกิดจากเชื้อโรคดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของแผลภายนอก โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ การรักษาอาการอักเสบของแผล ช่วยสมานแผล หรือแม้แต่บรรเทาอาการอักเสบของข้อต่างๆ ในร่างกาย
- ช่วยสร้างภูมิต้านทานในร่างกาย ไม่ติดเชื้อไวรัสที่มาทางอากาศง่ายๆ
- น้ำมันหอมระเหยของโปรพอลิส มีสรรพคุณใช้แทนยาชาได้ ฤทธิ์ของมันมีประสิทธิผลสูงกว่าโคเคนด้วยซ้ำไป
- โปรพอลิสมีสารผสมที่อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ซึ่งมีสรรพคุณในเรื่องต้านอนุมูลอิสระสูง จึงนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง ป้องกันโรคร้ายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย ช่วยเรื่องสมอง หัวใจ หลอดเลือด และอื่นๆ ที่เกิดจากการทำลายจากอนุมูลอิสระ
ข้อควรระวังในการใช้โปรพอลิส
เนื่องจากสรรพคุณของโปรพอลิสนั้น มีทั้งจุดเด่นแต่ก็มีสรรพคุณบางอย่างที่จำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้ ดังนี้
- โปรพอลิสที่นำมาสกัดนั้น เริ่มต้นมาจากการทำงานของผึ้ง มีเอ็นไซม์ของผึ้ง คนที่มีปกติแพ้น้ำผึ้งหรือแพ้ผึ้ง จะมีโอกาสแพ้โปรพอลิสเหมือนกัน จึงควรงดเว้น กรณีที่ใช้ไปแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น เป็นผื่น มีอาการคัน หรือหายใจไม่ออก ควรรีบพบแพทย์
- โปรพอลิสนี้ ไม่เหมาะกับสตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในระหว่างให้นมบุตร
- คนป่วยหลังผ่าตัดหรืออยู่ในระหว่างพักฟื้น ไม่สามารถรับประทานอาหารเสริมที่สกัดจากโปรพอลิสได้ เพราะโปรพอลิสนี้มีสรรพคุณชะลอการเกิดลิ่มเลือด
นอกจากนั้นยังไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวเป็นหืดหอบ และที่สุดแล้วการเลือกรับประทานอาหารเสริมต่างๆ ควรอยู่ในคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นหลัก
