วิธีดูแลรักษาที่นอน ขั้นตอนทำความสะอาดแบบง่ายๆ
ที่นอนที่เราใช้ประจำแต่ละบ้านนั้น มีทั้งขนาดนอนเดี่ยว และที่นอนขนาดใหญ่ขึ้นอยู่กับความจำเป็นของครอบครัว บางบ้านนิยมที่นอนหลังใหญ่ มีความหนาแข็ง บางบ้านอาจนิยมที่นอนนุ่มๆ เพราะหลับสบายกว่า แต่บางบ้านอาจนิยมที่นอนที่ทำด้วยยางพารา แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ที่นอนนั้นจะรับใช้ทุกคนในบ้านทุกคืนที่อยู่บ้าน เราต้องนอนประจำ คืนละหลายๆ ชั่วโมง และที่นอนจะส่งผลกับสุขภาพของผู้นอน เพราะหากที่นอนมีลักษณะไม่สมดุล รองรับสรีระแล้วทำให้อยู่ในอิริยาบถผิดธรรมชาติเป็นเวลานานๆ อาจส่งผลถึงสุขภาพ กระดูกของเราในระยะยาว
การดูแลที่นอนเบื้องต้น จึงประกอบด้วยเรื่องต่อไปนี้
- เมื่อซื้อที่นอนมาใหม่ๆ ทางร้านมักหุ้มพลาสติกป้องกันฝุ่นเอาไว้ ไม่ควรหวงที่นอน เกรงว่าจะเปรอะเปื้อนเร็วจนเสียดาย ไม่แกะพลาสติกออก ก่อนใช้ต้องแกะพลาสติกที่ใช้หุ้มที่นอนออกก่อน ไม่เช่นนั้นพลาสติกนั่นเองจะเป็นตัวกั้นการถ่ายเทอุณหภูมิจากพลาสติกถึงร่างกาย เพราะต้องผ่านผ้าปูที่นอนอีกชั้นหนึ่ง
- กรณีห้องนอนเป็นห้องปรับอากาศ ในตอนเช้าก็ควรจะเปิดหน้าต่างให้แสงแดดส่องเข้าถึงที่นอน ด้วย เพื่อให้แดดได้ช่วยขจัดตั้งแต่ความอับชื้น ช่วยฆ่าเชื้อโรค และควรปัดฝุ่นที่นอน เพราะอาจเป็นภัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เป็นโรคภูมิแพ้
- เวลานอนนานๆ เราจะสังเกตว่า บางส่วนของที่นอนจะบุ๋มลงไป เช่นส่วนสะโพก ก้น ที่นอนที่รับส่วนนั้นเป็นประจำอาจบุ๋ม และกลายเป็นที่นอนที่ผิดสุขลักษณะ ดังนั้นทุกๆ 2-3 เดือนเราควรพลิกหรือกลับที่นอนบ้าง กลับหัวกลับท้าย กลับล่างกลับบน การทำเช่นนี้เป็นประจำจะช่วยรักษาสภาพของที่นอนเอาไว้ได้นาน เนื่องจากรับน้ำหนักอย่างทั่วถึง จะมีจุดใดจุดหนึ่งยุบตัวช้าลง
- ในบ้านที่มีเด็กๆ บางครั้งอาจสนุกกับการกระโดดโลดเต้นบนที่นอน ผู้ใหญ่ควรดูแลให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะพอควร เพราะที่นอนถูกสร้างมาเพื่อนอน ความยืดหยุ่นที่จะรับน้ำหนักจากเด็กๆ อาจมีไม่มาก
- กรณีที่นอนที่ไม่ได้หนามากนัก เวลาเคลื่อนย้ายอย่าเผลอหักหรืองอ เพียงเพราะคิดว่าขนย้ายง่าย เพราะบางทีการงอที่นอนนั้น อาจทำให้ที่นอนเสียรูปและไม่อาจดัดให้กลับมาเหมือนเดิมได้
- ควรระมัดระวัง เรื่องรับประทานอาหารและน้ำดื่มบนที่นอนเพื่อป้องกันหกเลอะเทอะซึ่งทำความสะอาดยาก ไม่เหมือนเสื้อผ้าที่สกปรกก็ถอดซัก แต่ถ้าสกปรกเข้าไปถึงเนื้อในที่นอนจะทำให้ต้องเลิกใช้ก่อนหมดอายุ
- กรณีสตรี ในเวลามีรอบเดือนควรใช้ผ้ารองกันเปื้อนเวลานอน เพราะหากที่นอนเปื้อนแล้วทำความสะอาดได้ไม่เหมือนเดิม กลายเป็นจุดด่างไป และดูเหมือนไม่สะอาด
ขั้นตอนการทำความสะอาดที่นอนที่เป็นฟูก
ที่นอนที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันนั้นทำด้วยวัสดุที่แตกต่างกัน แต่มีจุดที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ จะเป็นรูปเหลี่ยมมีความหนา ตั้งแต่นุ่น ฟองน้ำ ซึ่งก็มีหลายประเภท ทั้งนุ่ม แข็ง มีสปริง ไม่มีสปริง แล้วหุ้มทับด้วยผ้าอีกชั้นหนึ่ง ในส่วนของผ้าที่เย็บปิดตัวที่นอนไว้ ส่วนใหญ่จะเย็บปิดสนิท ซึ่งป้องกันไม่ให้วัสดุข้างในออกมาเปื้อนหรือมีสิ่งใดแปลกปลอมเข้าไปในนั้น การทำเช่นนี้มีจุดดี แต่ก็มีข้อเสียในตัวเอง ทำให้มีฝุ่นเข้าไปฝังตัวอยู่ตรงผ้าหุ้มที่นอนและดูแลรักษายาก ในที่นี้จะได้ยกตัวอย่างวิธีทำความสะอาดฟูกที่นอน มีขั้นตอนวิธีการดังต่อไปนี้
1. ในขั้นต้นนั้น ให้นำเครื่องดูดฝุ่นมาดูดฝุ่นที่แทรกตัวอยู่บนที่นอน ต่อจากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำอุ่นหมาดๆ มาเช็ดให้ทั่วอีกครั้ง เพื่อกำจัดคราบสกปรกและรอยเปื้อนต่างๆ พึงระวังอย่าให้ผ้าเปียกเกินไป ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นทำให้ที่นอนชื้นเป็นเหตุให้เกิดเชื้อราในอนาคตได้ถ้าตากแห้งไม่สนิท
2. ใช้เบกกิ้งโซดามาช่วยดับกลิ่นอับที่อยู่บนที่นอน โดยการโรยให้ทั่วที่นอน แล้วทิ้งไว้ให้เบกกิ้งโซดาทำงานประมาณ 15-20 นาที กรณีที่นอนมีกลิ่นอับมากถึงระดับเห็นรอยเชื้อรา ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อมาเช็ดก่อน โดยอาจใช้ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซต์หรือไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ผสมน้ำอุ่นก็ได้แล้วจึงค่อยโรยเบกกิ้งโซดา
3. หลังจากนั้น ค่อยใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดเบกกิ้งโซดาให้เกลี้ยง อาจฉีดสเปรย์ดับกลิ่นให้ทั่วอีกครั้งก่อนนำไปผึ่งแดดผึ่งลม ควรมีการกลับด้านที่นอนให้ได้รับแดดอย่างทั่วถึงด้วยในการทำความสะอาดด้วยเครื่องดูดฝุ่นนั้น อาจใช้เครื่องดูดฝุ่นทรงประสิทธิภาพที่ช่วยกำจัดไรฝุ่นเสริมก็ได้
สรุปว่า ที่นอนมีผลต่อสุขภาพอนามัยของคนทั้งครอบครัว จึงควรหมั่นสังเกตระมัดระวัง ตลอดจนดูแลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้มีกลิ่นอับชื้น เพราะจะนอนพักผ่อนไม่สบาย รวมถึงนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย โดยเฉพาะไรฝุ่นตัวเล็กๆ ที่พิษภัยไม่ได้เล็กเหมือนกับตัวมัน เป็นเหตุให้เกิดภูมิแพ้ รำคาญใจและรักษายาก
นอกจากที่นอนแล้ว การรักษาความสะอาดต้องรวมไปถึงเครื่องนอนทั้งหมด ผ้าปูที่นอน หมอน ปลอกหมอน กระทั่งตุ๊กตาหรือของประดับที่นอน ในห้อง ต้องสะอาดทุกอย่าง ไม่ง่ายนักแต่ก็ไม่ยากเกินไป เพื่อสุขภาพของเรา
